กล้องจุลทรรศน์สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่
- กล้องกำลังขยายตํ่า คือ กล้องจุลทรรศน์สเตอริโอ เหมาะกับงานวิเคราะห์ทั่วไป
ขนาดมาโคร (สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า) - กล้องกำลังขยายสูง คือ กล้องจุลทรรศน์ เหมาะกับงานทางชีววิทยา ใช้สำหรับ
การศึกษาระดับเซลล์ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในการเลือกใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้และความเหมาะสม โดยมีองค์ประกอบต่างๆ
ที่ควรพิจารณาดังนี้
เลนส์ตา (Eyepieces)
เลนส์ตาแบบเห็นภาพกว้าง (Widef ield) เป็นที่นิยมและใช้งานอย่างกว้างขวาง เนื่องจากความสะดวกต่อการส่องดูด้วยตา เหมาะกับการใช้งานของทุกคน
สำหรับการเลือกกล้องจุลทรรศน์ระหว่างแบบกระบอกตาเดียวและสองกระบอกตา มีหลักในการตัดสินใจคือ ถ้าต้องใช้งานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ควรเลือกแบบสองกระบอกตาซึ่งจะช่วยให้ไม่เกิดอาการสายตาล้า ส่วนถ้าใช้สำหรับงานอดิเรกหรือให้เด็กนักเรียนดูเป็นหลัก กล้องจุลทรรศน์แบบกระบอกตาเดียวจะง่ายต่อการส่องดูมากกว่า นอกจากกล้องจุลทรรศน์จะมีแบบตาเดียวและสองตาแล้วยังมีกล้องจุลทรรศน์สามตาที่มีตาที่สามเพื่อใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ถ่ายภาพหรือชุดถ่ายทอดสัญญาภาพเพื่อแสดงภาพบนจอทีวีหรือคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย
เลนส์วัตถุ (Objectives)
กล้องจุลทรรศน์สเตอริโอ
เลนส์วัตถุจะมี 2 แบบ
- แบบกำลังขยายคงที่ เช่น 1x/3x, 2x/4x หมายความว่าสามารถเลือกกำลังขยายของเลนส์วัตถุได้เพียง 2 ค่าเท่านั้น
- เเบบปรับซูมค่ากำลังขยายได้ต่อเนื่อง (Zoom) เช่น 1x – 4x หมายความว่าสามารถเลือกปรับค่ากำลังขยายได้ในช่วงระหว่าง 1 เท่า ถึง 4 เท่า โดยหมุนปรับที่ปุ่มปรับกำลังขยายได้
กล้องจุลทรรศน์
เลนส์วัตถุที่ติดตั้งมากับกล้องจุลทรรศน์ควรจะได้รับมาตรฐาน DIN (Deutsche Institute Norms) เนื่องจากเป็นมาตรฐานที่มีการใช้งานและได้รับการยอมรับมากที่สุด นอกจากนี้ควรเลือกเลนส์วัตถุประเภทที่เหมาะสมต่อการใช้งาน ซึ่งมีข้อแนะนำดังนี้
- เลนส์วัตถุชนิด Achromatic เป็นเลนส์ที่แก้ค่าความคลาดเคลื่อนสี (Chromatic Aberration) ทำให้ได้ภาพที่มีความชัดเจน มีความราบเรียบของภาพอยู่ในระดับดี เหมาะสำหรับการใช้งานทางด้านการศึกษารวมถึงผู้สนใจทั่วไป
- เลนส์วัตถุชนิด Achromatic Super Contrast (ASC) เป็นเลนส์ชนิด Achromatic ที่ให้การตัดกันของภาพ (Contrast) สูงสุด ทำให้ภาพมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
- เลนส์วัตถุชนิด Semi Plan เป็นเลนส์ที่แก้ค่าความคลาดเคลื่อนสีและมีความราบเรียบของภาพอยู่ในระดับสูง เหมาะกับการใช้งานทางด้านการศึกษา, การวิจัยและปฏิบัติการรวมถึงทางด้านอุตสาหกรรม
- เลนส์วัตถุชนิด Plan เป็นเลนส์ที่ปราศจากความคลาดเคลื่อนใดๆ (100% Free of Aberration) ให้ภาพที่คมชัดและมีความราบเรียบ (Flat Field) สูงสุด เหมาะสำหรับการใช้งานทางด้านการศึกษาระดับสูง, การวิจัยและปฏิบัติการ, อุตสาหกรรมรวมถึงในวงการแพทย์
- เลนส์วัตถุชนิด Plan Inf ifinity เป็นเลนส์ที่มีระบบแสงของกล้องเป็นระยะอนันต์
แป้นใส่เลนส์วัตถุ (Nosepiece)
มี 2 แบบ คือ
แบบหันเข้า (Reversed)
ประหยัดพื้นที่ในการใช้งานและนำสไลด์เข้าออกได้ง่ายกว่า
แบบหันออก (Forward facing)
สามารถถอดใส่เลนส์วัตถุได้สะดวกกว่า
แท่นวางสไลด์ (Stage)
แบบคลิปหนีบ
ประหยัดและง่ายต่อการใช้งาน ในบางรุ่นจะเป็นแบบ One Touch ซึ่งทำให้สะดวกในการนำสไลด์เข้าออกยิ่งขึ้น
แบบ Mechanical Stage
สามารถปรับเลื่อนแท่นได้ทั้งทางด้านซ้าย/ขวา และหน้า/หลัง โดยใช้ปุ่มปรับ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กำลังขยาย 400 เท่าขึ้นไป โดยสามารถปรับเลื่อนสไลด์ได้ทีละนิด ซึ่งถ้าใช้มือเลื่อนเองจะทำได้ยาก
ระบบปรับโฟกัส (Focusing)
ระบบปรับโฟกัสแบบหยาบสามารถใช้งานได้ดีที่กำลังขยายตํ่ากว่า 400 เท่า สำหรับที่กำลังขยายสูงกว่า 400 เท่าควรใช้แบบระบบปรับหยาบและระบบปรับละเอียดร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ปรับโฟกัสที่กำลังขยายสูงๆ ได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไปมี 2 แบบคือ แบบแกนแยกและแบบแกนร่วม (Coaxial) สามารถเลือกใช้ได้ตามความถนัดของผู้ใช้งาน
เลนส์รวมแสง (Condenser)
ทำหน้าที่รวมแสงจากหลอดไฟให้เข้าสู่เลนส์วัตถุ เลนส์รวมแสงต้องมีค่า NA มากกว่าหรือเท่ากับ NA ของเลนส์วัตถุกำลังขยายสูงสุดที่ต้องใช้ เช่น เลนส์วัตถุ 100x มีค่า NA 1.25 ควรเลือกเลนส์รวมแสงที่มีค่า NA 1.25 หรือมากกว่า
ไดอะแฟรม (Diaphragm)
ใช้สำหรับควบคุมปริมาณของแสงที่จะผ่านเข้าสู่เลนส์รวมแสง มี 2 ชนิด คือ
ชนิด Iris diaphragm
เปรียบเสมือนเป็นรูม่านตาของมนุษย์ ซึ่งสามารถควบคุมปริมาณแสงที่จะผ่านเข้าสู่เลนส์รวมแสงได้แบบไม่มีข้อจำกัด (Infifinite) ใช้งานสะดวก สามารถใช้ควบคุมปริมาณของแสงเพื่อให้ได้ภาพตามที่ต้องการ
ชนิดดิสก์ (Disk)
ประหยัดและง่ายต่อการใช้งาน เพียงเลื่อนช่องที่มีขนาดต่างๆเพื่อเลือกให้แสงผ่านไปในปริมาณที่ต้องการแต่ในบางครั้งจะหาจุดที่แสงเหมาะสมที่สุดไม่ได้ เนื่องจากขนาดของช่องทุกช่องไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ระบบแสงสว่าง (Illumination)
หลอดไฟที่ใช้งานในกล้องจุลทรรศน์ส่วนใหญ่มี 3 แบบ คือ
ทังสเตน (Tungsten)
ประหยัด ให้แสงสว่างสีเหลือง เมื่อใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งจะมีความร้อนสูงซึ่งมีโอกาสทำให้สไลด์เกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ยังมีขนาดและแบบที่หลากหลายซึ่งอาจทำให้หาหลอดเปลี่ยนลำบาก
ฮาโลเจน (Halogen)
มีความสว่างและความเข้มแสงสูง มีขนาดเล็กและสามารถหาเปลี่ยนได้ง่าย ให้แสงสว่างออกสีเหลือง ซึ่งควรใช้งานร่วมกับที่กรองแสงสีนํ้าเงินเพื่อให้แสงเป็นสีขาว เพื่อป้องกันสายตาล้า
หลอด LED
มีขนาดเล็ก ให้แสงสว่างสีขาวนวลสบายตา มีความร้อนตํ่ามาก มีอายุการใช้งานสูงมาก ประหยัดพลังงาน
หลักการในการเลือกกล้องจุลทรรศน์เพื่อนำไปใช้งานก็มีตามนี้นะครับ นอกจากคุณสมบัติต่างๆที่ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน ก็จะเป็นการเลือกให้พอดีกับงบประมาณที่มี ถ้าต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกกล้องจุลทรรศน์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ตามช่องทางต่างๆใน Link นี้เลยนะครับ
IES Admin